ดิฉันเจอข่าวนี้รู้สึกดีและอยากจะเล่าสู่กันฟังในเรื่อง การวางแผนการเงินให้ทันเงินเฟ้อ
กล้วยขาดตลาด! พ่อค้าแม่ค้าเขมรแน่นโรงเกลือแย่งซื้อ แพงสุดรอบ 50 ปี
กล้วยน้ำว้า-กล้วยไข่ขาดตลาด! พ่อค้าแม่ค้าเขมรแย่งกันซื้อทะเลาะกันลั่นโรงเกลือ เผยแย่งกันกว้านซื้อไปกักตุน ราคาพุ่งแพงสุดในรอบ 50 ปี จนท.ไทยต้องเข้าดูแล
นายวัน ทา อายุ 35 ปี พ่อค้าขายกล้วยชาวเขมรในตลาดโรงเกลือ เปิดเผยว่า ตอนนี้กล้วยน้ำว้าและกล้วยไข่ แม้กระทั่งกล้วยหอมจากไทยมีราคาแพงมากและขาดตลาด สาเหตุสาเหตุมาจากภัยแล้งในเมืองไทยที่ผ่านมาทำให้กล้วยทุกชนิดไม่มีลูก จึงทำให้กล้วยขาดแคลน อีกทั้งยังมีพ่อค้านักธุรกิจชาวจีนหันมาเหมาสวนกล้วยในประเทศไทย
แล้วนำกล้วยส่งออกไปประเทศจีนจำนวนมาก จึงทำให้กล้วยทุกชนิดในไทยเริ่มขาดตลาดและมีราคาแพงมาก ถือว่าในรอบ 50 ปี กล้วยน้ำว้าราคากิโลกรัมละ 23-28 บาท 1 หวี มีน้ำหนักตั้งแต่ 1-2 กก. ต่างจากเมื่อปีที่แล้วราคากล้วยน้ำว้าที่ว่าแพงยังมีราคาแค่กก.ละ 15 บาท เท่านั้น คาดว่าราคาคงจะสูงขึ้นไปอีกเพราะยังมีผู้ต้องการซื้อกล้วยจากไทยอีกมาก ส่วนกล้วยที่ส่งออกไปขายกัมพูชามีวันละประมาณ 3,000-4,000 กิโลกรัม
เนื้อหาบางส่วนของข่าวจาก
ไทยรัฐออนไลน์ วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/678541
เรื่องสำคัญที่เรามองข้ามไป คือการลืมคิดเงินเฟ้อไปในการวางแผนการเงิน
ดิฉันยอมรับว่า ตอนเป็นเด็ก จนโตมาได้ยินเรื่องเงินเฟ้อบ่อยมาก แต่ยังไม่เข้าใจจริง
อยู่มาตอนนี้อายุ 35 ปี ปรากฎว่าเห็นชัดและเข้าใจแจ่มแจ้งเลยค่ะ
ว่าเงินเฟ้อคือเงินเราที่ลดค่าลงไปเรื่อยๆ ซื้อของได้น้อยหรืออาจจะซื้อไม่ได้เลยเมื่อเวลาผ่านไป
เมื่อก่อนอยู่บ้านนอกตอนเด็กยังได้กินก๋วยเตี๋ยวชามละ 5 บาท แต่เดี๋ยวนี้อดกินแน่นอน
ยิ่งมาปีนี้กล้วยแพงแทบจะไม่กล้ากิน มันเป็นไปแล้วค่ะ เราเห็นประโยชน์ยังไงเราก็ต้องกิน
ถ้าไม่มีเงินพอจะกินได้ไหมลองคิดดูนะคะ แล้วถ้าดิฉันแก่ไปจะได้กินกล้วยหวีละเท่าไหร่กัน
